Planet of the Apes สงครามลิงเหนือมนุษย์และการผจญภัยสุดสะเทือนขวัญในโลกอนาคต!

ปี ค.ศ. 1968 เป็นปีที่หลายคนจดจำได้จากเหตุการณ์สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสังหารหมู่ของลัทธิ “มนุษย์” ที่โจมตีชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในเมืองซานฟรานซิสโก การฆาตกรรมของ มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ หรือการเปิดตัวของ “Apple Computer” ซึ่งเป็นบริษัทที่ต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลก

แต่สำหรับนักดูหนังอย่างเรา ๆ ปี 1968 ยัง remembered สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Planet of the Apes” (ดาวเคราะห์แห่งลิง) ซึ่งสร้างจากนิยายวิทยาศาสตร์ของ Pierre Boulle เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ Franklin J. Schaffner และนำแสดงโดย Charlton Heston, Roddy McDowall, Kim Hunter, และ Maurice Evans

“Planet of the Apes” เป็นภาพยนตร์ที่ท้าทายความคิดของผู้ชม ในโลกอนาคตที่มนุษย์ถูกทอดทิ้งและถูกกดขี่โดยลิงที่มีสติปัญญา มีความสามารถในการพูด และอาศัยอยู่ในสังคมที่เทียบเท่ามนุษย์

Charlton Heston รับบทเป็น George Taylor, นักบินอวกาศผู้ประสบเหตุการณ์ร้ายแรงจากการเดินทางด้วยยานอวกาศ ทำให้เขาต้องลงจอดบนดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยลิงและมนุษย์Primitive ที่ถูกกดขี่

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ของเนื้อเรื่อง, การแสดงของนักแสดง, และเอฟเฟกต์พิเศษสมจริง (สำหรับยุคนั้น) ซึ่งสร้างความประทับใจให้ผู้ชมทั่วโลก

ฉากที่น่าจดจำและการวิเคราะห์เชิงลึก

“Planet of the Apes” นำเสนอภาพยนตร์ไซไฟที่มีเนื้อหาล้ำหน้าในสมัยนั้น โดยไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับลิงเท่านั้น แต่ยังเป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษยชาติ, สิทธิของสัตว์, และผลกระทบของสงคราม

ฉาก “Statue of Liberty” เป็นหนึ่งในฉากที่สร้างความประทับใจและจดจำได้ยากที่สุด ผู้ชมจะได้เห็น George Taylor เดินไปยังจุดสูงสุดของภูเขาและพบว่ามีซากของรูปปั้นเสรีภาพฝังอยู่ใต้ทราย

ฉากนี้เปรียบเทียบความยิ่งใหญ่ในอดีตของมนุษยชาติกับสภาพปัจจุบันที่พวกเขากลายเป็นทาสของลิง

การแสดง Charlton Heston นำเสนอการแสดงที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยอารมณ์

Roddy McDowall แสดงเป็น Cornelius, ลิงที่สงสัยและเห็นใจมนุษย์

Kim Hunter รับบท Zira, ลิงผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์และช่วยเหลือ George Taylor

Maurice Evans แสดงเป็น Dr. Zaius, ลิงหัวหน้าศาสนาของสังคมลิงและมีความขัดแย้งในความเชื่อของตนเอง

เทคนิคพิเศษ “Planet of the Apes” ใช้เทคนิคพิเศษสมัยใหม่ (สำหรับปี 1968) ในการสร้างภาพลิงที่มีใบหน้าและท่าทางเหมือนจริง

การแต่งหน้าและชุดของนักแสดงที่แปลงร่างเป็นลิงได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน และทำให้ผู้ชมเชื่อได้ว่าพวกเขาเป็นลิงตัวจริง

มุมมองเชิงวิเคราะห์ “Planet of the Apes” เป็นภาพยนตร์ไซไฟคลาสสิกที่ยังคงมีความเกี่ยวข้องในปัจจุบัน

เรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์,

การตั้งคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษยชาติ, และผลกระทบของสงคราม เป็นหัวข้อที่เราควรพิจารณาอย่างจริงจัง

ประโยชน์จากการดู “Planet of the Apes”

• กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ

• สนับสนุนการวิเคราะห์เชิงตรรกะ

• ปลูกฝังค่านิยมแห่งความเมตตาต่อสัตว์

• ให้แง่มุมมองที่ต่างจากเดิมเกี่ยวกับโลกและมนุษยชาติ

“Planet of the Apes” เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ไซไฟ,

เรื่องราวที่น่าสนใจ, การแสดงที่ยอดเยี่ยม, และเทคนิคพิเศษที่ล้ำหน้า (ในสมัยนั้น) ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์คลาสสิกตลอดกาล

ตารางเปรียบเทียบ “Planet of the Apes” กับภาพยนตร์ไซไฟอื่น ๆ ในยุคนั้น:

ภาพยนตร์	ปีที่ออกฉาย	เนื้อเรื่อง	เทคนิคพิเศษ
Planet of the Apes	1968	มนุษย์ถูกกดขี่โดยลิงที่มีสติปัญญา	การแต่งหน้าและชุดลิงที่สมจริง
2001: A Space Odyssey	1968	การเดินทางของมนุษย์ไปยังระบบสุริยะอื่น	เอฟเฟกต์พิเศษระดับสูงและการใช้ดนตรีประกอบที่สร้างความประทับใจ
The Andromeda Strain	1971	มนุษยชาติเผชิญหน้ากับเชื้อโรคจากอวกาศ	การสร้างบรรยากาศของความตึงเครียดและความลึกลับ

สรุป

“Planet of the Apes” เป็นภาพยนตร์ไซไฟคลาสสิกที่ยังคงมีความเกี่ยวข้องในปัจจุบัน

เรื่องราวที่ท้าทายความคิด, การแสดงที่ยอดเยี่ยม, และเทคนิคพิเศษที่ล้ำหน้า (สำหรับยุคนั้น) ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ผู้ชมทุกเพศทุกวัยควรดู